อำเภอช้างกลาง
|
||||||||||||||||||||||||||||
มากมีผลไม้ พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์
|
||||||||||||||||||||||||||||
ข้อมูลทั่วไป
|
||||||||||||||||||||||||||||
|
ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอช้างกลางตั้งอยู่ทางตอนกลางค่อนไปทางทิศตะวันตกของจังหวัด
มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้
ประวัติ
ท้องที่อำเภอช้างกลางเดิมเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอฉวาง กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศลงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2539 แบ่งพื้นที่การปกครองออกมาตั้งเป็น กิ่งอำเภอช้างกลาง โดยให้มีผลบังคับต้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม ปีเดียวกัน[1] และต่อมาในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ได้มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะขึ้นเป็น อำเภอช้างกลาง โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน ปีเดียวกัน[2]
การแบ่งเขตการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
|
การปกครองส่วนท้องถิ่น
องค์การบริหารส่วนตำบลช้างกลาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลช้างกลางทั้งตำบล
สถานที่สำคัญ
ศูนย์ท่องเที่ยวเชิงเกษตร อำเภอช้างกลาง
น้ำตกท่าแพ
วัดสวนขัน
วัดมะนาวหวาน

1.องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) เป็นอดีตรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2504 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่อำเภอช้างกลาง
จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมาถูกยุบรวมเข้าเป็นการยางแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2558
กิจการสวนยางในประเทศไทย เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2482 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้พระยาอนุวัติวนรักษ์ หัวหน้ากองการยาง กรมป่าไม้
เพื่อซื้อที่ดินสวนยาง ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ตำบลช้างกลาง
อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช[2] หวงห้ามที่ดินดังกล่าวไว้เพื่อการเกษตร รวมเนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ โดยในระหว่างปี พ.ศ. 2485 ถึงปี พ.ศ. 2490 กิจการสวนยางดังกล่าวอยู่ในความดูแลขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และโอนไปรวมกับบริษัท แร่และยาง จำกัด ในปี พ.ศ. 2490 แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการบริษัท แร่และยาง จำกัด
ก็ต้องเลิกกิจการไปเสียก่อน
จึงต้องโอนกลับมาสังกัดองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เช่นเดิม
ในปี พ.ศ. 2491 กรมสวัสดิการทหารบก
ได้เข้ามาศึกษาดูกิจการสวนยาง แต่ก็ไม่ได้มีการเข้ามาดำเนินการแต่อย่างใด
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2492 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ยกฐานะกิจการสวนยางขึ้นเป็น
"องค์การสวนยางนาบอน" สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตยางแผ่นรมควัน น้ำยางสดจำหน่าย และดำเนินการค้นคว้าทดลอง
ฝึกอบรมเกษตรกรไทยในการผลิตยาง ด้วยเงินทุนจากกระทรวงการคลัง จำนวน 3.4 ล้านบาท
กระทั่งในปี พ.ศ. 2504 ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนยาง พ.ศ. 2504[3] กำหนดให้องค์การสวนยางเป็นนิติบุคคล
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ได้ยุบรวมกับหน่วยงานอื่นอีกสองหน่วยงานเป็น การยางแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2558[4]
องค์การสวนยาง มีพื้นที่ทำประโยชน์ จำนวน 41,800 ไร่ ดังนี้
ที่ดินในหมู่ที่ 16 ตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 10,200 ไร่
เป็นที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินในท้องที่ตำบลช้างกลาง อำเภอฉวาง
จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ.2484
ที่ดินในตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช
จำนวน 31,600 ไร่ เป็นที่ดินที่กรมป่าไม้มอบให้ทำประโยชน์
ตามมติคณะรัฐมนตรี

2.น้ำตกท่าแพ อ. ลานสกา จ. นครศรีธรรมราช
น้ำตกท่าแพ - ข้อมูลทั่วไป
ตั้งอยู่ในเขต
อุทยานแห่งชาติเขาหลวง เรียกชื่อตามลำคลองที่ไหลผ่านหมู่บ้านท่าแพ
อยู่ในท้องที่หมู่ที่ 14 ตำบลช้างกลาง
กิ่งอำเภอช้างกลาง ห่างจากน้ำตกกะโรมไปประมาณ 6 กิโลเมตร
สามารถเดินทางโดยใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 4016 ประมาณ 9 กิโลเมตร จะถึงสามแยกบ้านตาลจากนั้นแยกไปทางซ้ายเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 4015 ไปอีกประมาณ 29 กิโลเมตร
จะถึงทางเข้าน้ำตกท่าแพ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร น้ำตกท่าแพมีชั้นน้ำตก 10 ชั้น
ได้แก่ หนานแพน้อย หนานนางครวญ หนานเตย หนานอ้ายซวย หนานปู หนานไผ่ และหนานน้ำราง
ทางอุทยานแห่งชาติเปิดให้ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเพียง 3 ชั้น
สำหรับผู้สนใจศึกษาธรรมชาติทางอุทยานแห่งชาติได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติถึงน้ำตกชั้นที่ 7 แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่
กิจกรรม - เดินป่าศึกษาธรรมชาติ - เที่ยวน้ำตก


2 .ประวัติ พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน
ประวัติ พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน
พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแดนใต้ "พ่อท่านคล้าย
วาจาสิทธิ์" ท่านได้สร้างคุณูปการไว้กับพระพุทธศาสนามากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
สร้างศรัทธาปสาทะกับพุทธศาสนิกชนให้เลื่อมใส
เข้าใจในคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างแจ่มแจ้ง อีกทั้งสร้างปูชนียวัตถุ ปูชนียสถาน
ที่สืบทอดพระศาสนาอยู่จนทุกวันนี้คือ องค์พระธาตุเจดีย์ฯ พระพุทธรูปตามวัดต่างๆ
รวมทั้งศาสนสถานมากมาย ตลอดจนถาวรวัตถุสิ่งต่างๆ มากมาย อาทิ โรงเรียน ถนนหนทาง
ขุดคลองสร้างสะพานมากมายหลายแห่ง
พ.ศ.2492 พ่อท่านคล้ายได้รับพระราช
ทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในราชทินนามพระครูพิศิษฐ์อรรถการ
พ.ศ.2500 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ
ในราชทินนามเดิม
พ่อท่านคล้าย เป็นพระนักพัฒนา
ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และจะอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ พ.ศ. 2475 ท่านเจ้าคุณพระศรีธรรมสาธน์ (เจ้าคุณพระรัตนธัชมุนี)
ซึ่งเป็นพระราชาคณะได้นิมนต์พ่อท่านคล้ายไปจำพรรษาและดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดจันดี
เนื่องจากวัดจันดี ไม่มีเจ้าอาวาสปกครอง
วาระสุดท้ายของพ่อท่านคล้ายได้มรณภาพอย่างสงบ ณ
ห้องหมายเลข 5 ตึกสุทธิสารรณกร โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ
เวลา 23.05 น. วันที่ 5 ธันวาคม 2513 ที่ผ่านมาทั่วภาคใต้ได้มีการโจษขานถึงอิทธิปาฏิหาริย์ของท่านอยู่เสมอ
ดูเหมือนวาจาของท่านนั้นประดุจมีมนต์หรืออาถรรพณ์อันมหัศจรรย์
เคยมีเรื่องเล่ากันว่า ถ้าหลวงพ่อคล้ายให้ศีลให้พรใครไปแล้วว่า จงร่ำรวยเป็นเศรษฐี
มหาเศรษฐีเถิด บุคคลที่ได้รับพรวิเศษแล้ว บุคคลนั้นจะเป็นบุคคลที่โชคดีที่สุด
หากทำอาชีพค้าขายก็จะทำมาค้าขายขึ้นหรือเกิดโชคลาภต่างๆ
มันเป็นโชคลาภที่เกิดขึ้นจากอาชีพและโชคลาภที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
มีหลายคนที่ได้รับพรวิเศษจากท่านได้กลายเป็นเศรษฐีไป
แต่ก็น้อยคนอีกเหมือนกันที่จะได้รับพรวิเศษเช่นนั้น บางทีท่านอาจมีเจโตปริยญาณ
หรือ อนาคตังสญาณ คือมีฌานอันมหัศจรรย์มองเห็นเหตุการณ์ในอนาคตว่าบุคคลนั้นๆ
มีบุญกุศลส่งมาในอดีตหรือไม่
การที่หลวงพ่อคล้ายมีวาจาศักดิ์สิทธิ์
หรือมีอนาคต ตังสญาณอันมหัศ จรรย์นี้ ทำให้เข้าใจว่าท่านต้องสำเร็จฌาน
หรือโลกุตตรฌานอย่างแน่แท้ เพราะบุคคลจะมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ หรือมีเจโตปริยญาณได้นั้น
จะต้องมีความสำเร็จโลกิยฌาน หรือไม่ก็โลกุตตรฌานอย่างแน่นอน
ท่านจึงได้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ และมีอำนาจจิตสูง
น้ำมนต์ท่านก็มีความศักดิ์สิทธิ์
บุคคลที่ได้มีการเจ็บป่วยด้วยโรคาพยาธิต่างๆ ถ้าได้รดน้ำมนต์ของหลวงพ่อคล้าย
เจ้าโรคร้ายเหล่านั้นก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง จนเป็นที่โจษขานกันทั่วทุกจังหวัดภาคใต้
และกล่าวกันว่าเป็น "น้ำมนต์ทิพย์"
นอกจากน้ำมนต์ทิพย์แล้ว
น้ำหมากของท่านก็กลายเป็นน้ำหมากทิพย์ไปด้วย
เพราะสามารถนำเอาไปรักษาโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่แพ้น้ำมนต์ทิพย์อีกเหมือนกัน
พลังพลานุภาพของน้ำหมากที่หลวงพ่อคล้ายให้ใครไปนั้น
ท่านจะบ้วนน้ำหมากของท่านลงไปในผืนผ้าเล็กๆ
แล้วก็แจกจ่ายให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ที่มีความเคารพนับถือไป
เหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจอิทธิปาฏิหาริย์ดังกล่าวนี้ก็คือครั้งหนึ่งได้เกิดไฟไหม้ขึ้นในจังหวัดนครศรีธรรมราช
ซึ่งถือว่าเป็นครั้งใหญ่
และครั้งนี้ที่พบเหตุอัศจรรย์ผ้าน้ำหมากหลวงพ่อคล้ายไม่ไหม้ไฟ
ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วจังหวัดภาคใต้
จนถึงกล่าวกันว่าผ้าน้ำหมากของหลวงพ่อคล้ายมีความศักดิ์สิทธิ์ป้องกันอัคคีภัยได้
จึงพากันเอาผ้าบ้วนน้ำหมากนี้แขวนไว้บูชา แล้วอธิษฐานให้ปลอดภัยจากอัคคีภัย
ด้วยกิตติคุณ ชานหมากเป็นที่เลื่องลือ จากคำบอกเล่าว่า
ไม่เคยเลยสักครั้งที่ชานหมากจะตกลงพื้นหรือกระโถน
เพราะลูกศิษย์มักแย่งกันเพื่อนำไปบูชา
ทุกวันนี้ สรีรสังขารพ่อท่านคล้าย
ได้กลายเป็นหินและไม่เน่าเปื่อย บรรจุอยู่ในโลงแก้ว ให้คณะศิษย์จากทั่วสารทิศได้นมัสการ
ภายในพระเจดีย์ฯ วัดพระธาตุน้อย ตลาดคลองจันดี
ด้านวัตถุมงคลพ่อท่านคล้าย
ล้วนแต่ได้รับความนิยมหลายรุ่น ขนาดท่านละสังขารไปนานแล้ว
คณะศิษย์ยังสร้างวัตถุมงคลออกมาอีกหลายรุ่น
ล่าสุดจัดสร้างเหรียญและรูปเหมือนพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ รุ่นนะมหาเศรษฐี
เพื่อสมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญ และสร้างกำแพงวัดจันดี จ.นครศรีธรรมราช
ส่วนประเภทเหรียญพ่อท่านคล้ายรุ่นเก่า
สนนราคาเล่นหาค่อนข้างสูง อาทิ เหรียญพ่อท่านคล้าย 2 ขอบ เนื้อทองแดง ปี 2498 พระครูสังฆรักษ์เดช
ขออนุญาตจัดสร้างเนื่องในโอกาสที่วัดสร้างศาลาอเนกประสงค์
ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อคล้ายครึ่งองค์ เขียนข้อความว่า "หลวงพ่อคล้าย
วัดสวนขัน รุ่น ๑" นัยน์ตาคมชัด มีไฝที่มุมปากด้านขวา ซึ่งจะมี 2 บล็อก คือ ไฝแตกกับไฝไม่แตก ที่พื้นเหรียญเป็นละอองคล้ายเม็ดผด
ขอบมีรอยตัด มีเส้นแตกผ่านอักษร "ค" ที่ชื่อของท่าน
ส่วนด้านหลังเหรียญ รูเจาะหูเหรียญปลิ้น
ยันต์แต่ละตัวมีความคมชัด มีรอยขอบบล็อกจึงเรียกว่า "พิมพ์ 2 ขอบ" สนนราคาเล่นหาสูงที่หลักแสน แต่หากเป็นไฝแตกจะถูกกว่าเล็กน้อย
นอกจากนี้ ยังมีเนื้อผงน้ำมัน
ปลุกเสกที่วัดสวนขัน ปี 2509 รูปหล่อโบราณเล็ก
พ่อท่านคล้าย 2505 ปลุกเสกปี 2505 ที่วัดสวนขัน รุ่นนี้จะมีทั้งพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ นับวันยิ่งหายาก
รูปเหมือนชานหมากพ่อท่านคล้าย วัดวังตะวันออก
เป็นเหรียญที่พ่อท่านคล้ายสร้างแจกแม่ครัวที่มาช่วยทำอาหารที่วัดในงานบุญ สร้างปี 2502-2503
เหรียญพ่อท่านคล้าย ไหว้ข้างมีสายสิญจน์
เหรียญพ่อท่านคล้าย วัดสามัครยาราม พ่อท่านคล้ายไหว้ข้าง เนื้อชานหมาก
พ่อท่านคล้ายปลุกเสกและสร้างเมื่อปีพ.ศ. 2505 เหรียญกลมใหญ่พ่อท่านคล้าย
สร้างปี 2505 เป็นเหรียญกลมมี 2 ข้าง เป็นต้น
เหรียญพ่อท่านคล้ายรุ่นแรก ปัจจุบันหายากมาก
ว่ากันว่ามีพุทธคุณโดดเด่นในเรื่องของแคล้วคลาดปลอดภัย
ติดต่อค้าขายหรือทำธุรกิจการค้ามักประสบความสำเร็จ สิ่งควรระวังของทำเทียมเลียนแบบ
มีมากกว่าของจริงเป็นร้อยเท่า

4.ประวัติความเป็นมา และบทบาทของวัดมะนาวหวาน
กิ่งอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ลักษณะ
ประวัติความเป็นมาของวัดมะนาวหวาน
วัดมะนาวหวาน : เป็นวัดที่สร้างขึ้นในช่วงสมัยอยุธยาตอนกลาง ใน พ.ศ. 2225 ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่เชื่อกันว่ามีสมภารอิน
และสมภารจันเป็นผู้ก่อตั้งไม่ เป็นหลักฐานที่แน่ชัด สภาพปัจจุบันวัดมะนาวหวาน
ยังเป็นศูนย์กลางของชุมชน และรวมทั้งเป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชน
และยังใช้วัดเป็นสถานที่ประกอบการพิธีกรรมทางศาสนาอยู่
ด้านบทบาทของวัดมะนาวหวาน
ปรากฏว่าวัดมะนาวหวานมีบทบาทในการทำนุบำรุงเผยแพร่พระพุทธศาสนา
เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
สนับสนุนการศึกษาของชุนชนรวมถึงด้านสังคมสงเคราะห์
การพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญรุ่งเรืองและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของชุมชน
วัด - ศูนย์รวมของชุมชน :
การใช้ศักยภาพใช้กำลังคนระดมแนวคิดโดยการให้บริการ
ให้เป็นแหล่งร่วมจิตใจให้มีการศึกษาอบรม
รวมทั้งเป็นแหล่งการการประสานงานระหว่างนั้น วัดและโรงเรียน การใช้แนวคิดนำเสนอ
การรับกู้ทางธรรมชาติ โดยนำหลักธรรมคำสอนใน
พุทธศาสนามาสอดแทรกให้เกิดแนวคิดรูปธรรมโดยสถานที่ในการทำกิจกรรมของชุมชน
ในลักษณะแบ่งพื้นที่ของวัดออกเป็นส่วน ๆ เช่น อุทยาน การศึกษา
ที่เป็นแหล่งการพัฒนาการเรียนรู้ ตามนโยบายแผนพัฒนาฉบับที่ 8 เป็นแหล่งกระจายข่าวในชุมชน เป็นแหล่งประกอบศาสนกิจและการ
และการนำเสนอการเรียนรู้ในระบบชุมชน ในการเรียนรู้จากการอาศัยธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม วิทยากรชุมชน เป็นองค์กรการเรียนรู้
|
No comments:
Post a Comment